Category Archives: หลักภาษาอังกฤษ

WH Question ภาษาอังกฤษ คือ ?

WH Question คือ กลุ่มคำที่ใช้ในการตั้งคำถาม สาเหตุที่เราเรียกคำกลุ่มนี้ว่า WH เพราะคำเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีตัวอักษร W และ H ผสมอยู่ WH Question มีอะไรบ้าง 1. What แปลว่า “อะไร”  ใช้สำหรับการถามข้อมูลของสิ่งต่าง ๆ  เช่น What is it? มันคืออะไร What is your name? คุณชื่ออะไร   2. When แปลว่า “เมื่อไร” ใช้ถามเกี่ยวกับวัน หรือ เวลา เช่น When were you born ? คุณเกิดเมื่อไร When did you start working here? คุณเริ่มทำงานที่นี่เมื่อไร   3.  Where… Read More »

อ่านทศนิยม ภาษาอังกฤษ

เลขทศนิยมในภาษาอังกฤษ (decimal numbers) มีหลักการในการเขียนและอ่านอย่างไร วันนี้เราจะเรียนรู้ในเรื่องนี้ด้วยกัน เพราะเป็นเรื่องสำคัญทางด้านคณิตศาสตร์ วิธีอ่านเลขทศนิยมภาษาอังกฤษ จุดทศนิยมเราเรียกว่า decimal point เป็นจุดที่ทำหน้าที่แยกระหว่างจำนวนเต็ม กับ เศษออกจากกัน ซึ่งเราจะอ่านจุดทศนิยมว่า point หรือ and  ,และอ่านเลขข้างหลังจุดทีละตัว เช่น 127.578 อ่านว่า one hundred twenty seven point five seven eight 0.832 อ่านว่า zero point eight three two วิธีการอ่านทศนิยมข้างต้นเป็นวิธีง่ายที่สุดที่ใช้ในภาษาพูด ซึ่งหากเป็นการอ่านตามหลักวิชาการคณิตศาสตร์จะแตกต่างออกไปดังนี้ จากภาพด้านบนว่า หลักของตัวเลขหน้าจุดทศนิยมจะนับจากขวาไปซ้าย เริ่มจากหลักหน่วย (Units) , หลักสิบ (Tens) ไปยังหลักร้อย พัน หมื่น ฯลฯ ตามที่เรารู้จักกันดี แต่หลักของเลขหลักจุดทศนิยมจะนับจากซ้ายไปขวา เริ่มจากหลักเศษสิบ (tenths) , หลักเศษร้อย… Read More »

วิธีการอ่านเลขเศษส่วน ภาษาอังกฤษ

สำหรับผู้ที่เรียนคณิตศาสตร์ การอ่านเศษส่วน (Fraction) ภาษาอังกฤษ เป็นอีกหนึ่งพื้นฐานที่จำเป็น เพราะเศษส่วนเป็นหนึ่งในรูปแบบตัวเลขทางคณิตศาตร์ที่เราพบเจออยู่เสมอ  อ่านเศษส่วน ภาษาอังกฤษ เลขเศษส่วนคือ ส่วนหนึ่งจากจำนวนทั้งหมด ซึ่งเป็นค่าที่น้อยกว่า 1 เรามาดูตัวอย่างของเลขเศษส่วนกัน 3⁄5 เลข 3 เป็น เศษ  ภาษาอังกฤษเรียกว่า Numerator การอ่านเลขเศษ จะอ่านแบบ natural numbers (cardinal numbers) ซึ่งเป็นจำนวนนับ โดยทั่วไป ซึ่งได้แก่ one ,  two , three , four ,  five , six , seven ….. เป็นต้น เลข 5 เป็น ส่วน ภาษาอังกฤษเรียกว่า Denominator การอ่านเลขส่วน จะอ่านแบบ Ordinal numbers ซึ่งเป็นเลขลำดับที่… Read More »

Preposition คือ อะไร มีวิธีการใช้อย่างไร

Preposition เป็นคำซึ่งใช้วางข้างหน้าคำนาม (noun) หรือ คำเสมอนาม (noun equivalent) เพื่อแสดงว่า นามคำนั้นมีความสัมพันธ์กับคำอื่นๆ อย่างไร เช่น The book is on the table. on เป็น preposition แสดงคววนสัมพันธ์ระหว่างคำนาม 2 คำ คือ book และ table Preposition อาจเป็นคำเดียวโดดๆ เช่น in, on, at, after, down, since, with, under, etc. หรืออาจเป็นกลุ่มคำ (group preposition) เช่น 1. He will come instead of me. เขาจะมาแทนฉัน 2. The teacher stood… Read More »

การใช้ there is และ there are ในภาษาอังกฤษ

ในภาษาอังกฤษ ทั้ง There is และ There are ต่างก็ใช้ในความหมายว่า “มี” ทั้งคู่ แต่มีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันไปตามกลักไวยากรณ์ (Grammar) ดังต่อไปนี้ There is ใช้กับคำนาม เอกพจน์ (singular) และ คำนามนับไม่ได้  – คำนามเอกพจน์ คือ คำนามที่มีจำนวนเดียว เช่น หนังสือ 1 เล่ม ,โต๊ะ 1 ตัว , คนหนึ่งคน เป็นต้น There are ใช้กับ พหูพจน์ (plural) – คำนามพหูพจน์ คือ คำนามที่มีจำนวนมากกว่า 1 ขึ้นไป เช่น หนังสือหลายเล่ม , โต๊ะสองตัว , คนสามคน เป็นต้น   หลักการใช้ there… Read More »

กริยาแท้ กริยาไม่แท้ ภาษาอังกฤษ และกริยาพิเศษ (anomalous verb) 24 รูป

ได้กล่าวมาแล้วว่า คำกริยา (verb) ในภาษาอังกฤษมี 2 พวกใหญ่ๆ คือเป็น กริยาแท้ (finite) และกริยา ไม่แท้ (non-finite) กริยาไม่แท้ คือ กริยาซึ่งมีรูปจากคำกริยา แต่ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นกริยาจริงๆ ได้แก่ 1. Infinitive (กริยาซึ่งมี  to นำหน้า เช่น to go) 2. Present Participle (กริยาซึ่งเติม ing เช่น going) 3. Past Participle (กริยาช่องที่สาม เช่น gone) กริยาแท้ ได้แก่กริยาซึ่งทำหน้าที่เป็นกริยาจริงๆ ในประโยค ซึ่งต้องเปลี่ยนรูปร่างไปตามประธาน, ตาม tense เช่น กริยาแท้ของ verb to be คือ am, is, are, was, were… Read More »

อนุประโยค (Subordinate Clause) ภาษาอังกฤษ

อนุประโยค (Subordinate Clause) คือ กลุ่มคำ (a group of words) ที่มีกิริยาแท้ (Finite Verbs) แต่ไม่มีความหมายสมบูรณ์ในตนเอง (Incomplete meaning) เมื่อเป็นกลุ่มคำที่มีกิริยาแท้ (Finite Verb) จะต้องมีผู้แสดงกิริยาหรือประธาน (Subject) และถ้ากิริยาแท้นั้นเป็นสกรรมกิริยา (Transitive Verb) จะมีกรรม (Object) ตามและถ้ากิริยาแท้เป็น Verb to BE หรือกิริยาเทียบเท่า Verb to BE จะต้องมีส่วนสมบูรณ์ของประธาน (Subjective Complement) หรืออาจเป็น Objective Complement แล้วแต่กรณี แต่กลุ่มคำดังกล่าวนี้ไม่มีใจความสมบูรณ์ใน ตัวเอง (Incomplete meaning) จึงไม่สามารถอยู่โดยลำพังกลุ่มคำเดียวได้ จะต้องพึ่งพาอาศัย ส่วนประโยคใหญ่ หรือที่เรียกว่า “มุขยประโยค” (Main Clause) เสมอ ฉะนั้น ส่วนอนุประโยคนี้จะต้องมีตัวเชอม (Relative)… Read More »

พจน์ของคำนาม (The Number of Nouns) ภาษาอังกฤษ

ได้ชี้แจงให้ทราบแล้วว่าคำนามที่ใช้ในทางไวยากรณ์นั้น เราดูแต่เพียงว่านามใดเป็นนามนับได้ (Countable Noun) นามใดเป็นนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun) เนื่องจากกระทบกับกิริยา (Verb) ในเรื่องของ “พจน์” (Number) ส่งแบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ 1. เอกพจน์ (Singular Number) หมายถึง “หนึ่ง” 2. พหูพจน์ (Plural Number) หมายถึง “มากกว่าหนึ่ง” และนามนับได้ (Countable Noun) เท่านั้นที่มีรูปเป็นพหูพจน์ (Rural Number) ได้ การสร้างรูปนามพหูพจน์ (Formation of the Plural Nouns) การสร้างรูปนามพหูพจน์โดยทั่วไป ใช้ -S เติมท้ายที่นามเอกพจน์ (Singular Number) เช่น book – books day    – days cat… Read More »

สอนเรื่อง Present Participle และ Past Participle ในภาษาอังกฤษ

Participle มี 2 อย่าง คือ Present Participle และ Past Participle Present Participle รูปของ present participle คือ กริยาเติม ing ซึ่งมีความหมายว่า กริยานั้นกำลังดำเนินอยู่ เช่น 1. I see a girl carrying a basket of flowers. = I see a girl who is carrying a basket of flowers. 2. I saw a girl carrying a basket of flowers. = I… Read More »

เพศของนาม (The Gender of Nouns) ภาษาอังกฤษ

แม้ว่าในภาษาอังกฤษ เพศของคำนามจะไม่มีผลกระทบในด้านไวยากรณ์ก็ตาม (ในภาษาอื่นเพศของนามกระทบทางด้านไวยากรณ์ด้วย เช่น ในภาษาฝรั่งเศส) แต่ควรจะได้ศึกษาควบคู่ไปด้วย เพราะเมื่อใช้ภาษาในชีวิตจริงแล้ว เราจำเป็นจะต้องใช้สรรพนาม (Pronoun) แทนคำนามนั้นๆ ถ้าเราไม่รู้เพศของคำนามอย่างถูกต้อง เราอาจใช้สรรพนามแทนผิดได้ ภาษาอังกฤษแบ่งเพศของคำนามออกเป็น 3 ชนิด คือ 1. เพศชาย (masculine gender) 2. เพศหญิง (feminine gender) 3. ไร้เพศ (neutral gender) เช่น เพศชาย (masculine gender) เพศหญิง (feminine gender)   ไร้เพศ (neutral gender)   boy, king, uncle, prince etc. girl, queen, aunt, princess etc. book, house, pencil, table etc. ส่วนคำนามที่มิได้ระบุเพศแน่นอนว่าเป็นหญิงหรือชาย… Read More »