ข้อแตกต่างระหว่างภาษาอังกฤษแบบ British English และ Amarican English

By | December 24, 2014

การออกเสียง
การสะกดคำ
การใช้ศัพท์บางคำต่างกัน
การใช้กฏเกณฑ์ทางภาษาบางอย่างต่างกัน
ฯลฯ

1. ออกเสียงต่างกัน
ความจริง เรื่องการออกเสียงต่างกันเป็นเรื่องปกติของคนที่อยู่ต่างท้องถิ่นกัน เช่น คนสุพรรณบุรี กาญจนบุรี ออกเสียงเหน่อ ในคำเสียงสูง เช่น หัว หาง เหนือ และในคำอื่นๆ คนอเมริกันเอง เมื่อต่างถิ่นกัน ก็ออกเสียง (สำเนียง) ต่างกัน เช่น ทางตอนใต้ออกเสียง เอา เป็น แอว ไปแทบทั้งหมด เช่น แม้วธ์ (mouth) แฮ้วส์ (house) แดวแทวน์ (downtown) อะแรวด์ (around) เป็นต้น

แต่ที่สำคัญนั้น คือ เขาจงใจจะออกเสียงให้มันต่างออกไป
หลายคำที่อังกฤษออกเสียง อา ก็ได้ แอ ก็ได้ อเมริกันจะพยายามให้มันเป็น แอ เสียทั้งหมด (ยกเว้นบางคำที่ไม่ไหวจริงๆ เพราะคนยังติดของเก่า) เช่น คล้าส (class) เป็น แคล้ส ฟ้าสท์ (fast) เป็น แฟ้สท์ เป็นต้น

หลายคำที่สระเป็นตัวโอ (o) เติมเป็น เอาะ หรือ ออ อเมริกันก็จะออกเสียงเป็น อะ หรือ อา เช่น บ๊อคส์ (box) เป็น บั๊คส์ หรือ บ๊าคส์ คล็อค (clock) เป็น คลัค หรือ คล้าค (แด่ dog ยังคง เป็น ด้อก ตามเดิม เพราะคนยังนิยมอยู่ ไม่เคยเห็นใครออกเสียงเป็น ด้าก สักที)

หมายเหตุ
(1) อักษร z อเมริกันออกเสียง zee (ซี) อังกฤษออกเสียง zed (เซ่ด)
(2) lieutenant อังกฤษออกเสียง เล็ฟเท้นนั่นท์ อเมริกันออกเสียง ลูเท้นนั่นท์

2. สะกดต่างกัน
American Spellings
(1) อังกฤษลงท้าย -re อเมริกัน -er เช่น
อังกฤษ : theatre me tre kilometre centre (central)
อเมริกัน : theater meiter kilometer center (central)
ยกเว้น : เหมือนกันทั้งอังกฤษและอเมริกัน – neuter acre

(2) อังกฤษลงท้าย -our อเมริกัน -or เช่น
อังกฤษ : colour honour labour neighbor vapour
อเมริกัน : color honor labor neighbor vapor
ยกเว้น : เหมือนกันทั้งอังกฤษและอเมริกัน – glamour

(3) อังกฤษลงท้าย -ise อเมริกัน -ize (เฉพาะบางคำ ส่วนใหญ่เป็น -ize เหมือนกัน)
อังกฤษ : organise analise (mobilize) (recognize) (opologize)
อเมริกัน : organize analize (mobilize) (recognize) (opologize)
ยกเว้น : ใช้ -ise ทั้งอังกฤษและอเมริกัน advise advertise (บางครั้งอเมริกันใช้ advertize)

(4) เมื่อเติม ed, er, ing ที่คำลงท้ายด้วย I อังกฤษเพิ่ม I อเมริกันไม่เพิ่ม เช่น
อังกฤษ : (travel) – tvavelled – traveller – travelling
อเมริกัน : (travel) – tvaveled – traveler – traveling

(5) สะกดต่างกันไปเลย เช่น
อังกฤษ : gaol (เจล) axe (เอ็คส์) cheque (เช็ค) programme (โพรแกรม)
อเมริกัน : jail (เจล) ax (เอ็คส์) check (เช็ค) program (โพรแกรม)

3. ใช้คำ (บางคำ) ต่างกัน
มีคำศัพท์หลายคำที่อเมริกันใช้แตกต่างจากอังกฤษ เช่น
อังกฤษ : lift (ลิฟต์) airhostess (แอร์โฮสเตส) footpath (ทางเท้า)
อเมริกัน : elevator (ลิฟต์) stewardess (สจ็วดเดส) sidewalk (ทางเท้า)

อังกฤษ : valve (หลอดวิทยุ) sideboards (จอนผม) tap (ก๊อกน้ำ)
อเมริกัน : tube (หลอดวิทยุ) sunburns (จอนผม) faucet (ก๊อกน้ำ)

อังกฤษ : autumn (ฤดูใบไม้ร่วง) railway (ทางรถไฟ) little finger (นิ้วก้อย)
อเมริกัน : fall (ฤดูใบไม้ร่วง) railroad (ทางรถไฟ) pinkie (นิ้วก้อย)

อังกฤษ : railway station (สถานีรถไฟ) billion (1,000,000,000,000) ล้านล้าน
อเมริกัน : depot (ดีโป) (รถานีรถไฟ, สถานีรถประจำทาง) trillion (1,000,000,000,000) ล้านล้าน

หมายเหตุ : billion อเมริกัน หมายถึง 1,000 ล้าน (= 1,000,000,000)

4. ใช้กฏเกณฑ์ทางภาษา (บางอย่าง) ต่างกัน
(1) การใช้จุดท้ายคำย่อ
อังกฤษ : ถ้าคำย่อนั้นเกิดจากอักษรต้นกันอักษรท้ายไม่ใช้จุด เช่น

Mr (=Mister) Dr (=Doctor) Jr (=Junior)
อเมริกัน : ใช้จุดเสมอ เช่น Mr. Dr. Jr.

(2) การใช้จุดกับเวลา
อังกฤษ : ใช้จุดเดียว (period) เช่น 8.00 15.30 4.10
อเมริกัน : ใช้ 2 จุด (colon) เช่น 8:00 15:30 4:10
(จะมี a.m. หรือ p.m. ต่อท้ายหรือไม่ก็ตาม)

(3) การเขียนวันเดือนปี
อังกฤษ : เรียงลำดับ วัน – เดือน – ปี เช่น 3 November 1997
อเมริกัน : เรียงลำดับเดือน-วัน-ปี เช่น November 3,1997

ด้วยเหตุนี้ เมื่อเขียนย่อในระบบตัวเลขจะก่อใหัเกิดปัญหามาก เช่น ถ้าเขียน 3/11/97
แบบอังกฤษจะหมายถึง 3 November 1997
แต่ อเมริกันจะหมายถึง March 11,1997

(4) การใช้รูปต่างๆ ของ one
ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ ยึดหลักว่า เมื่อใช้ one (= ใครก็ตาม) แล้ว จะต้องใช้ one ให้สอดคล้องกันไปจนจบ แต่แบบอเมริกันไม่จำเป็น สามารถใช้ he แทนได้

อังกฤษ : One cannot succeed unless one tries hard.
อเมริกัน : One cannot succeed unless he tries hard.
คนเรา (ใครก็ตาม) ไม่สามารถสำเร็จได้ถ้าเขาไม่พยายามอย่างหนัก

(5) การใช้ who แทน antecedent ที่เป็นบุคคล
ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษมีหลักว่า ต้องใช้ that ในประโยคขยายที่ชี้เฉพาะคำนามข้างหน้า (antecedent) ที่เป็นคำขั้นสุด (superlative) หรือมีคำทำนอง the only ประกอบอยู่ แต่แบบอเมริกัน ถือว่าถ้าเป็นบุคคลแล้ว ใช้ whoได้ตลอด เช่น

อังกฤษ : He is the first student that can answer this question.
อเมริกัน : He is the first student who can answer this question.
เขาเป็นนักเรียนคนแรกที่ตอบคำถามนี้ได้

(6) การใช้ quotation marks (inverted commas)
คำพูดทั่วไป อังกฤษใช้เดี่ยว (‘single’) อเมริกันใช้คู่ (“double”) เช่น
อังกฤษ : The judge said,‘Not guilty.’
อเมริกัน : The judge said, “Not guilty.”
ผู้พิพากษากล่าวว่า “ไม่มีความผิด”

คำพูดซ้อนคำพูด ค่าพูดภายใน อังกฤษใช้คู่ อเมริกันใช้เดี่ยว
อังกฤษ : ‘When the judge said, “Not quilty,” they sprang up.’
อเมริกัน : “When the judge said,‘Not quilty,’ they sprang up.”
เมื่อผู้พิพากษากล่าวว่า “ไม่มีความผิด” พวกเขาก็กระโดดตัวลอย

(7) การบอกเวลา
อังกฤษใช้ past อเมริกันใช้ after
อังกฤษใช้ to อเมริกันใช้ of

เวลา 5.10 น.
อังกฤษ: ten past five
อเมริกัน : ten after five

เวลา 7.45 น.
อังกฤษ: a quarter to eight
อเมริกัน : a quarter of eight

(8) การเรียกธนบัตร อังกฤษใช้ note อเมริกันใช้ bill เช่น
อังกฤษ : a ten pound note ธนบัตรฉบับละ 10 ปอนด์
อเมริกัน : a ten dollar bill ธนบัตรฉบับละ 10 ดอลลาร์
(ธนบัตรฉบับละ 20 บาท อังกฤษพูดว่า a twenty baht note อเมริกันจะพูดว่า a twenty baht bill)

หมายเหตุ ภาษา slang
อังกฤษ : a quid (-1 ปอนด์)
อเมริกัน : a buck (= 1 ดอลลาร์)

ที่มา:เลิศ เกษรคำ