Monthly Archives: September 2014

คำกริยาวลี (Phrasal verbs) ของคำว่า Hold

คำกริยาวลี (Phrasal verbs) ที่ขึ้นต้นด้วย Hold นั้น พบอยู่บ่อย ๆ ในภาษาอังกฤษ ซึ่งบางครั้งหากเราไม่สามารถจดจำความหมายที่ต่างกันได้ จะทำให้เราแปลประโยคออกมาผิดความหมาย ในวันนี้เราได้จึงได้เลือกนำคำแปลและความหมายของกริยาวลี Hold บางคำมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก ซึ่งประกอบด้วย Hold on ,Hold off ,Hold up ,Hold out ,Hold back และ Hold down คำกริยาวลี ทั้ง 10 ของ Hold Hold on แปลว่า “รอสักครู่” เช่น คุณกำลังโทรศัพท์คุยกับเพื่อน แล้วเขาบอกมาว่า “Could you hold on please” แสดงว่าเขาให้คุณรอสักครู่หนึ่ง นอกจากนี้ Hold On ยังแปลว่า จับอีกด้วย   Hold off มีความหมายว่า… Read More »

คำบุพบท (Prepositions and Adverbial Particles) ภาษาอังกฤษ

คำบุพบทมีบทบาทมากมายในเรื่องของไวยากรณ์ จึงสร้างความยุ่งยากให้แก่นักศึกษาต่างชาติมาก เพราะมีหลักเกณฑ์น้อยมากที่จะบอกว่าควรจะใช้คำบุพบทคำนี้และไม่ควรใช้คำบุพบทคำนั้นในบริบท (Context) หนึ่งๆ เนื่องจากไม่มีเหตุผลทางตรรกวิทยาที่จะถือเป็น กฎเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ จะสังเกตได้จากสำนวนต่างๆ (Idioms) ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคำบุพบทโดยตรงนั้นเป็นรูปเฉพาะของภาษาที่ขึ้นอยู่กับการใช้ (Usages) เป็นหลัก เช่น “get on” = to mount และ “get off” = to descend, etc. เราไม่มีคำตอบอย่างมีเหตุผลเลยว่า ทำไม “get on” จึงต้องแปลว่า “to mount” หรือ “get off” ถึงต้องแปลว่า “to descend” เป็นต้น เรามีวิธีเดียวที่จะศึกษาสิ่งเหล่านี้ให้ได้ผลก็คือ มีพจนานุกรม (a dictionary) ที่ดีๆ สักเล่มและอ่านหนังสือให้มากๆ พร้อมกับมีสายตาที่แหลมคมคอยสังเกตและจดจำการใช้สำนวนต่างๆ ที่เขาใช้อยู่กันทั่วไปเท่านั้น ฉะนั้น ในบทนี้จะเป็นการรวบรวมข้อสังเกตทั่วๆ ไปเกี่ยวกับการใช้คำบุพบท และให้ตัวอย่างการใช้คำบุพบทที่สำคัญๆ ซึ่งอาจจะก่อความยุ่งยากให้นักศึกษาได้ คำบุพบท (Prepositions)คือ คำที่ใช้กับคำนาม… Read More »

คำกิริยาวิเศษณ์ (Adverbs) ภาษาอังกฤษ

ได้ศึกษาส่วนสำคัญของประโยคไปเรียบร้อยแล้ว คือ ส่วนกิริยา (Verbs) ในทุกๆ ลักษณะ ต่อไปนี้จะได้ศึกษาสิ่งที่จะทำให้กิริยานั้นมีความชัดเจนยิ่งขึ้น นั่นคือ ”กิริยาวิเศษณ์” (Adverbs) “คำกิริยาวิเศษณ์ (Adverbs) มีลักษณะเหมือน “คำคุณศัพท์” (Adjectives) อยู่ลักษณะหนึ่งคือ ต่างเป็นคำขยาย (Modifiers) ด้วยกันทั้งคู่ แต่ “คำคุณศัพท์” เป็นคำที่ทำหน้าที่ขยายเฉพาะคำนามเท่านั้น “คำกิริยาวิเศษณ์” ทำหน้าที่ขยายคำกิริยา คำคุณศัพท์ และคำกิริยาวิเศษณ์ตัวอื่นๆ เช่น He ran quickly. (ขยายกิริยา “ran”) Come here (ขยายกิริยา “come”) I went to the dentist yesterday. (ขยายกิริยา “went”) It is very hot today. (ขยายคำคุณศัพท์ “hot”) Are you quite comfortable?… Read More »

หลักการใช้ should และ would

should และ would มักจะถูกใช้ในความหมายที่คล้ายกัน ดังนี้ 1. ใช้ should และ would เมื่อกล่าวว่าบางอย่างจะเกิดขึ้นแน่นอนใน สถานการณ์ที่แน่นอน เช่น We should / would be very happy in Thailand. พวกเราคงมีความสุขมากในประเทศไทย (คงมีความสุขแน่นอนในช่วงที่อยู่ในประเทศไทย) I should / would be very glad to have money of my own. ผมจะดีใจมากๆ เลย ถ้ามีเงินเป็นของตัวเอง 2. ใช้ should และ would อธิบายถึงความประสงค์ (wish) โดยใช้วางไว้หน้า like เช่น I should / would like… Read More »

วิธีใช้และหน้าที่ของ have ในภาษาอังกฤษ

have ใช้ได้หลากหลายเหมือนกับการใช้ get และความหมายก็จะขึ้นอยู่กับว่ามันทำหน้าที่อะไรในประโยคนั้นๆ ดังนี้ 1. ใช้ have เป็นกริยาแท้ของประโยค แปลว่า “มี”, “การครอบครอง” เป็นต้น โดยใช้ have กับประธานพหูพจน์ (I, you, we, they) เช่น I have two friends in Bangkok. ผมมีเพื่อนที่กรุงเทพฯ 2 คน We have a big car. พวกเรามีรถคันใหญ่คันหนึ่ง They have two English teachers. พวกเขามีครูภาษาอังกฤษ 2 คน 2. ใช้ have เป็นกริยาช่วย (auxiliary verb) เพื่อสร้าง present perfect tense S+have+V3… Read More »

คำนำหน้านาม (The Articles) ภาษาอังกฤษ

ได้ศึกษาคำนามอย่างละเอียดในแง่มุมต่างๆ ไปเรียบร้อยแล้ว ต่อไปนี้เราจะศึกษาส่วนที่เกี่ยวข้องกับคำนามโดยเฉพาะ ซึ่งมีนักไวยากรณ์บางท่านเรียกมันว่า “คำกำหนดนาม” (Determiners) นั่นคือ “Articles” นั่นเอง ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ 1. Indefinite Article (คำนำหน้านามไม่ชี้เฉพาะ) 2. Definite Article (คำนำหน้านามชี้เฉพาะ)   Indefinite Article มีอยู่ 2 คำ คือ “a” และ “an” ซึ่งนำไปใช้ได้กับนามทุกเพศ แต่ใช้กับนามเอกพจน์นับได้ (Singular Countable Noun) เท่านั้น และ “a” นั้น ใช้นำนามที่อ่านด้วยเสียงพยัญชนะ (Consonant Sound) เท่านั้น (ขอให้สังเกตว่า ใช้นำหน้านามที่อ่านด้วยเสียง (Sound) ไม่ใช่รูป (Form) ของนาม ส่วน “an” ใช้นำหน้าคำนามที่อ่านด้วยเสียงสระ (Vowel Sound)… Read More »

คำสรรพนาม (Pronouns) ภาษาอังกฤษ

คำสรรพนาม คือ คำที่ใช้แทนคำนาม ซึ่งไม่ว่าในภาษาเขียนหรือภาษาพูดก็ตามจำเป็นต้องใช้มันอยู่เสมอ มิฉะนั้นเราจะต้องกล่าวหรือเขียนสคำนามนั้นๆ ซ้ำๆ ซากๆ หลายครั้งกว่าจะจบเรื่องที่เราจะเขียนหรือพูด เช่น The man เราใช้ “he” แทน The girl เราใช้ “she” แทน The boys เราใช้ “they” แทน หรือคำนามที่ขยายด้วยคำคุณศัพท์หลายคำ เราก็ใช้คำสรรพนามเพียงคำเดียวแทน เช่น My first two good little new round grey French picture frames = they เป็นต้น คำสรรพนาม แยกออกเป็นชนิดต่างๆ ได้ดังนี้ 1. บุรุษสรรพนาม (Personal Pronoun) 2. สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive Pronoun) 3. สรรพนามชี้เฉพาะ (Demonstrative… Read More »

คำนาม (Nouns) ในภาษาอังกฤษ

ได้ศึกษาโครงสร้างหรือรูปแบบ (Form) ของประโยคต่างๆ ตลอดจนส่วนขยาย (Modifiers) มาครบถ้วนแล้ว แต่การเขียนประโยคต่างๆ ในภาษาอังกฤษนั้น ผิดจากภาษาไทยของเราอย่างหนึ่งก็คือ ประธาน (Subject) ของประโยคจะมีผลกระทบต่อกิริยา (Verb) ซึ่งภาษาไทยเรามิได้เป็นเช่นนั้น เซ่น ฉันกินข้าว เขาผู้ชายกินข้าว เด็กกินข้าว เด็กๆ กินข้าว ซึ่งเขียนเป็นภาษาอังกฤษได้ดังนี้:- ฉะนั้น การศึกษาส่วนต่างๆ ของประโยคนั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเขียนประโยคให้ถูกต้อง และส่วนแรกที่ควรศึกษาก็คือ คำนาม (Noun) Noun (นาม)คือชื่อของสิ่งต่างๆ เช่น ชื่อคน, สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ ซึ่งจำแนกออกได้เป็น 5 ชนิด ดังนี้:- 1. Common Noun (นามทั่วไป) หมายถึงนามที่เป็นชื่อกว้างๆ ของสรรพสิ่งต่างๆ ในโลก เช่น table, car, chair, boy, girl, school etc. 2. Proper… Read More »

วลีภาษาอังกฤษ (Phrase)

วลี (Phrase) คือ กลุ่มคำ (a group of words) ที่ไม่มีกิริยาแท้ (Finite Verbs) การที่จะศึกษาเรื่องวลี (Phrase) ให้เข้าใจถ่องแท้นั้น นักศึกษาควรรับทราบเรื่องของกิริยา (Verb) ในแง่หนึ่งให้เข้าใจเสียก่อนว่า ถ้าเราแบ่งกิริยา (Verb) ตามรูปแบบ (Form) จะได้เป็น 2 ประเภท คือ 1. กิริยาแท้ (Finite Verbs) 2. กิริยาไม่แท้ (Non-finite Verb) กิริยาแท้ (Finite Verbs) หมายถึง กิริยา (Verb) ที่เปลี่ยนรูปร่าง (Forms) ให้สัมพันธ์กับประธาน (Subject) ของประโยค เช่น I am a boy. I eat rice. You are a… Read More »

คำว่า above และ over ในภาษาอังกฤษ ใช้ต่างกันอย่างไร

above (กว่า, สูงกว่า, เบื้องบน, เหนือ) เป็นได้ทั้ง adverb และ preposition เช่นเดียวกับ over (บน, เหนือ, มากกว่า, เกิน) ทั้งสองคำใช้ดังนี้ 1. ใช้ above เมื่อวัตถุสิ่งหนึ่งอยู่เหนือสิ่งหนึ่ง แต่ไม่ได้อยู่เหนือขึ้นไป เป็นแนวดิ่ง แต่จะอยู่เยื้องๆ เช่น I have got a big house above the lake. ผมมีบ้านใหญ่หลังหนึ่งอยู่เหนือทะเลสาบขึ้นไป She has got a big building above the river. หล่อนมีตึกใหญ่หลังหนึ่งอยู่เหนือแม่นํ้าขึ้นไป 2. ใช้ above ในการอธิบายบางอย่าง โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการวัดใน แนวตั้ง เช่น We were living in… Read More »