วันที่ภาษาอังกฤษ มีวิธีการเขียนที่หลากหลายขึ้นอยู่กับว่าจะเขียนแบบเป็นทางการหรือไม่ อีกทั้งยังมีความแตกต่างกันในเรื่องของรูปแบบการใช้ระหว่างวันที่แบบบริติชและอเมริกัน โดยแบบบริติชจะเขียนเรียงลำดับ วัน-เดือน-ปี เหมือนวันที่แบบไทย แต่ของอเมริกันจะเขียน เดือน-วัน-ปี
ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยดังกล่าวข้างต้นอาจทำให้เข้าใจผิดกันได้ โดยเฉพาะวันที่ซึ่งเขียนในแบบเป็นตัวเลขทั้งวัน เดือน ปี
ความแตกต่างระหว่างการเขียนวันที่ภาษาอังกฤษแบบบริติชและอเมริกันในรูปแบบต่าง ๆ
การเขียนวันที่ในแบบที่ 1 จะใช้สำหรับกรณีที่ต้องการความเป็นทางการมาก เช่น เรียนเชิญแขกผู้ใหญ่ไปงานแต่งงาน ส่วนแบบที่ 2 และ 3 ก็จัดเป็นรูปแบบที่สุภาพเป็นทางการเช่นกัน
รูปแบบการเขียนวันที่แบบที่ 4-6 จะเป็นแบบไม่เป็นทางการ เช่นใช้เขียนโน๊ตย่อ ,จดหมายถึงเพื่อน เป็นต้น ในการเขียนวันที่แบบตัวเลขทั้งหมดเช่นนี้จะใช้เครื่องหมายกั้นระหว่างวันเดือนปี ซึ่งที่พบมากได้แก่เครื่องหมายดังต่อไปนี้ ( . ) ( / ) ( – )
ในส่วนของวันที่ 1-31 เราจะเขียนโดยใช้ตัวเลขลำดับที่ตามตารางด้านล่าง
วันที่ 1 -31 ในภาษาอังกฤษ
|
||
1st
2nd 3rd 4th 5th 6th 7th 8th 9th 10th 11th 12th 13th 14th 15th 16th 17th 18th 19th 20th 21st 22nd 23rd 24th 25th 26th 27th 28th 29th 30th 31st |
first
second third fourth fifth sixth seventh eighth ninth tenth eleventh twelfth thirteenth fourteenth fifteenth sixteenth seventeenth eighteenth nineteenth twentieth twenty-first twenty-second twenty-third twenty-fourth twenty-fifth twenty-sixth twenty-seventh twenty-eighth twenty-ninth thirtieth thirty-first |
วันที่ 1
วันที่ 2 วันที่ 3 วันที่ 4 วันที่ 5 วันที่ 6 วันที่ 7 วันที่ 8 วันที่ 9 วันที่ 10 วันที่ 11 วันที่ 12 วันที่ 13 วันที่ 14 วันที่ 15 วันที่ 16 วันที่ 17 วันที่ 18 วันที่ 19 วันที่ 20 วันที่ 21 วันที่ 22 วันที่ 23 วันที่ 24 วันที่ 25 วันที่ 26 วันที่ 27 วันที่ 28 วันที่ 29 วันที่ 30 วันที่ 31 |
เชื่อว่าหลังจากที่พวกเราทุกคนได้อ่านบทความนี้แล้ว คงจะเข้าใจวิธีการเขียนวันที่ภาษาอังกฤษมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถเข้าใจรูปแบบการเขียนที่ต่างกันระหว่างอังกฤษบริติชและอเมริกันได้เป็นอย่างดี เพื่อที่ว่าเมื่ออ่านเอกสารหรือเดินทางไปประเทศนั้นๆ จะได้ใช้อย่างถูกต้อง