กริยาแท้ กริยาไม่แท้ ภาษาอังกฤษ และกริยาพิเศษ (anomalous verb) 24 รูป

By | December 26, 2014

ได้กล่าวมาแล้วว่า คำกริยา (verb) ในภาษาอังกฤษมี 2 พวกใหญ่ๆ คือเป็น กริยาแท้ (finite) และกริยา ไม่แท้ (non-finite)

กริยาไม่แท้ คือ กริยาซึ่งมีรูปจากคำกริยา แต่ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นกริยาจริงๆ ได้แก่

1. Infinitive (กริยาซึ่งมี  to นำหน้า เช่น to go)
2. Present Participle (กริยาซึ่งเติม ing เช่น going)
3. Past Participle (กริยาช่องที่สาม เช่น gone)

กริยาแท้
ได้แก่กริยาซึ่งทำหน้าที่เป็นกริยาจริงๆ ในประโยค ซึ่งต้องเปลี่ยนรูปร่างไปตามประธาน, ตาม tense เช่น กริยาแท้ของ verb to be คือ am, is, are, was, were (รูปของ verb to be เมื่อเป็นกริยาไม่แท้คือ be, being, been)

กริยาแท้ (กริยาซึ่งทำหน้าที่กริยาจริงๆ) ยังมีชื่อเรียกต่างๆ กันไปอีก ซึ่งอาจแบ่งเป็น 2 พวกใหญ่ๆ ได้คือ
(1) กริยาช่วย (auxiliary verb หรือ helping verb) ได้แก่ส่วนของกริยาซึ่งทำหน้าที่ช่วยกริยาหลัก เพื่อแสดง tense หรือ mood ของกริยาหลัก กริยาพวกนี้ไม่มีคำแปลเป็นความหมายแสดงอาการของ ประธาน

(2) กริยาหลัก (principal verb) ได้แก่ส่วนของกริยา ซึ่งทำหน้าที่เป็นกริยาของประโยคด้วยตัวมันเอง เป็นคำที่มีความหมายบอกอาการหรือสภาพของประธาน เช่น

1. They are reading.    (are เป็น auxiliary verb แสดง tense)
They are boys.        (are เป็น principal verb)

2. They have gone.        (have เป็น auxiliary verb แสดง tense)

They have good pens.     (have เป็น principal verb)

Defective Verb
มีกริยาอีกพวกหนึ่งเรียกกันว่า Defective Verb กริยา defective ได้แก่กริยาซึ่งมีรูปไม่ครบ เช่น must มีรูปเดียว ไม่มีรูปที่เป็น past และไม่มีรูป past participle นอกจากนี้ก็มี will, shall, can, may, ought ซึ่งมีรูปไม่ครบเช่นเดียวกัน (will มีรูป past เป็น would แต่ไม่มีรูปเป็น past participle)

Anomalous Verb
คำว่า anomalous มีความหมายว่า ซึ่งไม่เป็นไปตามกฎ (deviating from the rule) ไม่ปกติ (not regular) พิเศษ (special) และด้วยเหตุนี้ เราจึงเรียกกริยาพวกนี้ว่า กริยาพิเศษ (นิยมเรียกในภาษาอังกฤษว่า anomalous verb หรือ special verb)

เหตุที่เราเรียกว่า กริยาพิเศษ ก็เพราะกริยาพวกนี้มีวิธีใช้เป็นพิเศษ คืออาจทำหน้าที่เป็น auxiliary verb หรืออาจทำหน้าที่เป็น principal verb ก็ได้ และแม้เมื่อกริยาพวกนี้ทำหน้าที่เป็น principal verb ก็ยังมีวิธีการที่แตกต่างจากกริยาอื่นอยู่อีก

รูปของกริยาพิเศษ (anomalous verb) ได้แก่


จะเห็นว่าเมื่อ anomalous verb เป็น finite (กริยาแท้) มีรูปรวมกัน 24 รูป และเรียกชื่อกริยาทั้ง 24 รูป นั้นว่า Anomalous Finite ซึ่งมีรูปที่ใช้กันดังต่อไปนี้

รูปบอกเล่า

รูปปฏิเสธย่อ

เมื่อย่อต่อท้าย pronoun

1. am I’am
2. is isn’t he’s, she’s, it’s
3. are aren’t you’re, we’re, they’re
4. were weren’t
5. was wasn’t
6. have haven’t I’ve, you’ve, they’ve, we’ve
7. has hasn’t he’s, she’s, it’s
8. had hadn’t I’d, we’d, you’d, he’d, she’d, they’d
9. do don’t
10. does doesn’t
11. did didn’t
12. shall shan’t I’ll, we’ll
13. should shouldn’t I’d, we’d, you’d
14. will won’t you’ll, he’ll, she’ll, it’ll, they’ll
15. would wouldn’t I’d, we’d, you’d
16. can can’t (cannot)
17. could couldn’t
18. may mayn’t
19. might mightn’t
20. must mustn’t
21. ought oughtn’t
22. need needn’t
23. dare daren’t
24. used (usedn’t*)

*usedn’t ไม่นิยมใช้กันแล้ว

ที่มา:เลิศ  เกษรคำ